สำหรับผู้ที่มีความสนใจต้องการเริ่มต้นธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ไปยังต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการทั่วไปที่ต้องการเพิ่มช่องทางการขายบนโลกออนไลน์มากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลตลาดสากลอย่างละเอียดรอบครอบก่อนเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงควรทำความเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียเเละความแตกต่างของธุรกิจออนไลน์ต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้พัฒนาธุรกิจในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้เทคนิคการตีตลาดง่ายๆ เพียง 7 ข้อดังนี้
ตั้งเป้าหมายกลุ่มลูกค้าให้ตรงจุด โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ Business to Business (B2B) เป็นการขายสินค้าระหว่างบริษัทกับบริษัท ที่มีจุดเด่นคือการสั่งซื้อในปริมาณมาก และอีกแบบคือ Business to Customer (B2C) เป็นการขายสินค้าระหว่างบริษัทกับผู้บริโภค จะเป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุดในการประกอบธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ต่างประเทศ เพราะมีจุดเด่นในการซื้อขายโดยตรงกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย
กำหนดสินค้าที่ต้องการขาย โดยคำนึงจากปัจจัยสำคัญต่างๆที่ส่งผลต่อการขายสินค้าออนไลน์ต่างประเทศ เช่น ต้นทุน เเหล่งผลิต การจัดส่ง การจัดเก็บสินค้า การรับประกันสินค้า ฯลฯ รวมถึงปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำกำไรระหว่างการดำเนินธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆด้วยเช่นกัน
วิเคราะห์เหตุผลในการขายสินค้า รวมถึงข้อดีข้อเสียของการขายสินค้านั้นๆ เเล้วนำมาเปรียบเทียบเเนวโน้มความเป็นไปได้ในตลาดออนไลน์ต่างประเทศ ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้ในระยะยาวอย่างราบรื่นและมีปัญหาน้อยที่สุด
สินค้าที่ต้องการขายสู่ตลาดออนไลน์ต่างประเทศ ต้องตอบสนองความต้องการที่ครอบคลุมและเป็นสากล ดังนั้นการเลือกช่วงเวลาในการจำหน่ายสินค้าจึงมีความสำคัญอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น สินค้าที่มีความหมายตามเทศกาล ช่วงฤดูที่ลูกค้านิยมบริโภค หรือโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ จึงทำให้มีช่องทางในการขายมากกว่า
แหล่งขายสินค้าออนไลน์ต่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค ซึ่งในปัจจุบันมีช่องทางการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากมาย ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็วและง่ายดาย ตอบโจทย์พฤติกรรมของการซื้อสินค้าออนไลน์ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั่วโลก เช่น Amazon eBay Etsy Alibaba รวมถึงสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Instagram และ Line ที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ราคาขายสินค้าออนไลน์ต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการกำหนดกำไรในการทำธุรกิจ ซึ่งคุณจะต้องศึกษาราคาในท้องตลาดจากธุรกิจรูปแบบเดียวกัน รวมถึงทำความเข้าใจในตัวสินค้านั้นๆเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของต้นทุน กระบวนการผลิต แนวโน้มความต้องการในอนาคต ไม่ควรตั้งราคาที่ต่ำจนเกินไปเพราะอาจทำให้ลูกค้ามองว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ และหากคุณตั้งราคาสูง คุณก็ต้องมั่นใจในคุณภาพของสินค้าของคุณด้วยเช่นกัน