ปัจจุบันธุรกิจขายของออนไลน์ หรือ E-Commerce มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภายในประเทศไทยเอง รวมถึงต่างประเทศทั่วโลกด้วยเช่นกัน เป็นยุคที่มีความเสรีทางด้านการซื้อขายผ่านโลกไร้พรมแดนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ที่มีความรวดเร็วสะดวกสบายกว่า จึงทำให้ระบบการซื้อขายในแพลตฟอร์มมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดออนไลน์ทั่วโลก Siam.Delivery เราได้รวบรวม 10 แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ยอดนิยมจากทั่วโลกในปี 2019 ที่ขยายตัวเติบโตอย่างรวดเร็วเข้าสู่ปี 2020 เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือ ผู้ที่สนใจริเริ่มธุรกิจ ที่ต้องการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ได้ศึกษาหาข้อมูลและเลือกใช้แพลตฟอร์มให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณ
แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต ที่ช่วยให้ผู้ขายและผู้ซื้อเกิดการแลกเปลี่ยนซื้อขายผ่านทางออนไลน์ อีกหนึ่งทางเลือกของการขายสินค้าที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะมีคุณสมบัติและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อของกลุ่มผู้บริโภคนั้นๆ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ขายได้สร้างร้านค้าออนไลน์ได้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น
เมื่อพูดถึงการเลือกใช้แพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์ เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการสร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาจมีหลายปัจจัยที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียด และทำความเข้าใจคุณสมบัติ ข้อดีข้อเสีย รวมถึงกำหนดจุดประสงค์ในการใช้บริการแพลตฟอร์มนั้นๆก่อนเสมอ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา คือ
Big Commerce : มีฟีเจอร์และตัวเลือกในการปรับแต่งที่หลากหลาย โดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่สามารถใช้งานร่วมกับ Facebook Amazon eBay ร่วมถึงแพลตฟอร์มอื่นๆได้ง่ายดาย มีกระบวนการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ช่วยให้คุณจัดการคลังสินค้า การขนส่งสินค้า และการชำระเงินได้อย่างสะดวกมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ต่างประเทศ
Shopify : เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เป็นแพลตฟอร์มที่มีตัวเลือกให้ใช้บริการมากมาย ตรงตามความต้องการของเจ้าของธุรกิจ สามารถทดลองใช้งานได้ฟรี 14 วัน มีเครื่องมือในการจัดการและทำการตลาดออนไลน์ที่มีคุณภาพ ที่สำคัญยังมีภาษาให้เลือกมากกว่า 50 ภาษา ช่วยให้ทำการขายสินค้ากกับลูกค้าชาวต่างชาติได้สะดวกยิ่งขึ้น
Squarespace : แพลตฟอร์มที่ใช้เพื่อขายเว็บไซต์สำเร็จรูป จุดเด่นคือง่ายต่อการสร้างเว็บไซต์ให้สวยงาม สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีลูกเล่นที่น่าสนใจ เน้นคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสร้างแบรนด์สินค้า หรือ จำหน่ายสินค้า ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มครีเอทีฟและศิลปิน ราคาเริ่มต้นที่ $18 ต่อเดือน
Wix : แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่มีให้เลือกได้มากกว่า 72 รูปแบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายของออนไลน์ให้มีพื้นที่ร้านค้าได้อย่างง่ายดาย สามารถเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ได้ฟรี ด้วยการตั้งค่าที่เข้าใจง่าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถสร้างเว็บไซต์ให้สินค้าของคุณได้แล้ว หรือ หากเลือกรูปแบบรายเดือนเริ่มต้นเพียง $20 ต่อเดือน เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับนักธุรกิจมือใหม่หรือธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังเริ่มต้น
WooCommerce : แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เป็นปลั๊กอินใช้งานในระบบ WordPress ที่ใช้ได้ทั้งแบบฟรี และแบบฟังก์ชันระดับสูงที่ต้องเสียเงิน ได้รับความนิยมใช้งานเป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ ที่มียอดการดาวน์โหลดสูงมากถึง 71 ล้านครั้งในปี 2019 คุณสมบัติที่โดดเด่น คือ มีฟีเจอร์และรูปแบบธีมที่เหมาะกับร้านค้าขายของออนไลน์ เช่น การขาย สต็อกสินค้า ระบบจัดการสินค้า การชำระเงิน และโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งมีระบบเทียบเท่า E-commerce ยักษ์ใหญ่ ที่สำคัญสามารถอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ได้ตลอดการใช้งาน
Volision : แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่รวดเร็วและง่ายดาย มีรูปแบบที่ครบวงจร เหมาะสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ซับซ้อน มีฟีเจอร์ที่สนับสนุนการทำการตลาด ช่วยเพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่หลากหลาย และสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี 14 วัน มีดีไซน์เทมเพลตมากกว่า 300 รูปแบบ ให้ได้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ รองรับวิดีโอ ไฟล์เสียง รวมถึงสไลด์รูปภาพ โดยให้บริการในราคาเริ่มต้นที่ $14 ต่อเดือน สำหรับการใช้งานระดับพื้นฐาน และ ราคาสูงสุด $135 ต่อเดือน สำหรับการใช้งานระดับพรีเมี่ยม
Magento : แพลตฟอร์มที่ใช้ในการจัดการข้อมูลบนเว็บไซต์ ที่ใช้เฉพาะด้านการขายของอนนไลน์ หรือ E-Commerce คุณสมบัติที่โดดเด่น คือ มีฟังก์ชันการใช้งานี่ครบวงจร ใช้งานง่าย ครอบคลุมระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ตั้งแต่ การจักหมวดหมู่สินค้า สต็อกสินค้า วิเคราะห์สินค้ายอดนิยม ระบบการจัดส่ง การชำระเงิน การออกบิล รวมถึงการจัดการด้านการตลาดต่างๆ สามารถสร้างสรรค์หน้าเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับสินค้าอย่างไม่จำกัด และที่สำคัญยังรองรับภาษาไทยได้ดีอีกด้วย
Shopify Plus : แพลตฟอร์มที่ใช้กับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องการการตั้งค่าที่มากกว่าหรือคุณสมบัติขั้นสูงกว่า Shopify โดยจะมีความจุของข้อมูลให้ที่ 13 PB และ 29,000 CPU cores และเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการทำการตลาดให้ธุรกิจภายในร้านค้าออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ภาพรวมของธุรกิจผ่านฟีเจอร์ได้อย่างง่ายดาย เป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่เหมาะกับธุรกิจที่เริ่มขยายตัว และการต้องการการตั้งค่าฟีเจอร์ที่มีความละเอียดของข้อมูลมากขึ้น
Sales force : โปรแกรม Customer Relationship Management หรือ CRM ระบบที่สร้างขึนเพื่อติดตามปฏิสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้า เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซบน Cloud ที่เหมาะสำหรับการขายของออนไลน์ในการจัดการวางแผนการขายได้มากขึ้น ช่วยจดจำรายละเอียดของลูกค้าและติดตามงานได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยรายงาน อีกทั้งยังสามารถคาดการณ์รายได้จากการขายได้อีกด้วย
Bigcartel : หนึ่งในแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ ประเภทงานศิลปะที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก สามารถใช้งานบบระบบ IOS ได้อย่างสะดวกสบาย กำหนดให้ขายสินค้าได้ฟรี 5 ชิ้น ซึ่งหากต้องการขายสินค้าที่มากกว่านั้น จะต้องใช้บริการแบบรายเดือน โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $9.99 ถึง $29.99 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ต้องการใช้ และจุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือรายได้จากการขายสินค้าทั้งหมดไม่มีการหักเปอร์เซ็นต์ใดๆทั้งสิ้น